โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐฯ ประกาศ บริจาควัคซีน ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ให้กับทั่วโลกกว่า 80 ล้านโดส ซึ่งมีไทยรวมอยู่ด้วย เว็บไซต์ของ สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความเปิดเผยว่ารัฐบาลของนาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนจะส่งมอบวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยจำนวน 80 ล้านโดสให้กับทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
โดยข้อความระบุว่า “ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐอเมริกาประกาศแผนการส่งมอบวัคซีนโควิด-19
ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจำนวน 80 ล้านโดสให้กับประเทศต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นในทั่วโลก ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจำนวนหนึ่งจากการบริจาคดังกล่าว สหรัฐฯ บริจาควัคซีนเหล่านี้เพื่อช่วยชีวิตผู้คนและนำชาติทั้งหลายในการยุติโรคระบาดใหญ่นี้
ในแผนการบริจาควัคซีนจำนวน 80 ล้านโดสดังกล่าว สหรัฐฯ จะมอบวัคซีนกว่า 23 ล้านโดสให้กับประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ซึ่งจะทำให้ภูมิภาคนี้รวมถึงประเทศไทยปลอดภัย การบริจาควัคซีนเหล่านี้เป็นความช่วยเหลือนอกเหนือไปจากความช่วยเหลือมูลค่า 4,000 ล้านเหรียญที่สหรัฐฯ ได้ให้ผ่านทางโคแวกซ์ ซึ่งเป็นโครงการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้แก่นานาประเทศอย่างเท่าเทียม โดยรวมถึงวัคซีนไฟเซอร์ 500 ล้านโดสในปีที่กำลังจะมาถึง
กว่า 60 ปี สหรัฐฯ และไทยผนึกกำลังรับมือกับปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อการสาธารณสุข ความร่วมมือนี้เพิ่มพูนขึ้นนับตั้งแต่เกิดการระบาด โดยสหรัฐฯ ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับภาคีชาวไทยในการเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อตอบสนองต่อโรคโควิด-19 รวมถึงช่วยให้ไทยเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญได้ จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ให้กับไทยแล้วเป็นมูลค่ากว่า 40 ล้านเหรียญ (1,280 ล้านบาท) แผนบริจาควัคซีนครั้งนี้จะเพิ่มมูลค่าความช่วยเหลือดังกล่าวเป็นอย่างมาก
จนถึงปัจจุบัน สหรัฐฯ ได้มอบความช่วยเหลือซึ่งรวมไปถึงเครื่องช่วยหายใจ หน้ากากกรองอากาศ ชุดตรวจหาการติดเชื้อ หน้ากากอนามัย แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ สำหรับแพทย์และพยาบาลชาวไทย มูลค่ารวม 28.5 ล้านเหรียญ ตลอดจนการช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นตามแนวชายแดน นอกจากนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (U.S. CDC) ซึ่งมีความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขของไทยมาเป็นเวลากว่า 40 ปี ยังได้มอบความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 แล้วเป็นจำนวน 13 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ แน่วแน่ต่อพันธไมตรีและความร่วมมือระหว่างเรากับไทย ตลอดจนค่านิยมแห่งเสรีภาพ สันติภาพ และความมั่งคั่งที่เราต่างยึดถือ”
อิสราเอล เตรียมส่งวัคซีนไฟเซอร์ให้ เกาหลีใต้ เจ็ดแสนโดส
ทางการ อิสราเอล เตรียมส่งวัคซีนไฟเซอร์ให้กับประเทศ เกาหลีใต้ เป็นจำนวนเจ็ดแสนโดส หลังปาเลสไตน์ปฏิเสธวัคซีนล็อตดังกล่าว เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการอิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์จำนวนเจ็ดแสนโดสให้กับประเทศเกาหลีใต้ ในขณะที่ประเทศเกาหลีใต้จะส่งคืนให้ในช่วงเดือน กันยายน ถึง ตุลาคมนี้
วัคซีนล็อตนี้ถูกทางการปาเลสไตน์ปฏิเสธเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางปาลสไตน์ให้เหตุผลว่าวัคซีนล็อตนี้ใกล้หมดอายุ อย่างไรก็ตามทางการเกาหลีใต้มองว่าวัคซีนล็อตนี้จะสามารถช่วยเร่งการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศได้ ซึ่งคาดว่าวัคซีนล็อตนี้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันถัดจากนี้ และตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในอาศัยในกรุงโซลในวันที่ 13 ก.ค. นี้
ประเทศเกาหลีใต้ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับยอดผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะกับประชาชนในช่วงอายุ 20-30 ปี โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเกาหลีใต้พบผู้ป่วยใหม่ 1,212 ราย
ขณะนี้มีประชาชนในประเทศเกาหลีใต้ราวๆร้อยละ 30 ที่ได้รับวัคซีนต้านโควิดเข็มแรกแล้ว ส่วนประเทศอิสราเอลมีประชาชนได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยร้อยละ 60
ผู้ผลิตวัคซีน ไฟเซอร์ เปิดเผยว่าขณะนี้ทางบริษัทกำลังยื่นเรื่องกับทางการสหรัฐฯ เพื่อขอฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสามให้กับประชาชนเพื่อรับมือ โควิดเดลต้า
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ผู้ผลิตวัคซีน ไฟเซอร์ เตรียมยื่นเรื่องกับทางการสหรัฐฯเพื่อขอฉีดวัคซีนกระตุ้นในการต่อสู้กับโควิดเดลต้า หรือ โควิดเชื้อสายอินเดีย หลังจากที่มีหลักฐานชี้ว่าโควิดชนิดนี้แพร่เชื้อได้เร็วกว่าโควิดทั่วไป และ เสี่ยงที่ประชาชนจะติดเชื้อซ้ำ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอาหารและยา (FDA) และ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้ออกประกาศร่วมกันว่าในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่ประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วจำเป็นต้องรับวัคซีนโดสกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้ทาง FDA และ CDC พร้อมที่จะฉีดวัคซีนกระตุ้นหากจำเป็น
ด้านนาย มิคาเอล โดลสเตน หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์เปิดเผยว่า ไฟเซอร์สามารถป้องกันโควิดเดลต้าได้ แต่ผ่านไปหกเดือน ภูมิต้านทานจะลดลงอย่างที่หลายฝ่ายได้คาดเอาไว้ ทั้งนี้วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักถึงร้อยละ 95 แม้ภูมิต้านทานจะลดลง
ซึ่งจากการศึกษาพบว่าการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสามสร้างภูมิต้านทานได้มากกว่าเดิมถึง 5 ถึง 10 เท่า และเขาเชื่อว่าการฉีดวัคซีนเข็มสามในกลุ่มผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่จำเป็น
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง